Dev to webs {Coding…}

เรียนรู้การพัฒนาซอฟเวอร์ เพื่อความรู้ที่ยั่งยืน

บทที่ 20: การบำรุงรักษาเว็บไซต์ WordPress

หลังจากสร้างและเปิดใช้งานเว็บไซต์ WordPress แล้ว การบำรุงรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด บทนี้จะแนะนำขั้นตอนการบำรุงรักษาเว็บไซต์ WordPress อย่างมีประสิทธิภาพ


1. การอัปเดต WordPress ธีม และปลั๊กอิน

การอัปเดต WordPress และส่วนประกอบต่าง ๆ ช่วยป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่:

  • อัปเดต WordPress Core: ตรวจสอบและอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
  • อัปเดตธีมและปลั๊กอิน: ลบธีมและปลั๊กอินที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อลดความเสี่ยง
  • ใช้ปลั๊กอินเช่น Easy Updates Manager เพื่อจัดการการอัปเดตอัตโนมัติ

2. การสำรองข้อมูลเว็บไซต์

การสำรองข้อมูลช่วยให้คุณสามารถกู้คืนเว็บไซต์ในกรณีเกิดปัญหา:

  • สำรองข้อมูลด้วยปลั๊กอิน:
    • UpdraftPlus: สำรองข้อมูลไปยัง Google Drive, Dropbox หรือ Amazon S3
    • BackupBuddy: สำหรับการสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างรวดเร็ว
  • กำหนดตารางการสำรองข้อมูลเป็นประจำ เช่น ทุกสัปดาห์

3. การตรวจสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์

ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วและทำงานได้ดี:

  • ใช้เครื่องมือเช่น Google PageSpeed Insights หรือ GTmetrix เพื่อตรวจสอบความเร็ว
  • ลดขนาดรูปภาพและใช้ปลั๊กอิน Cache เช่น WP Rocket
  • ใช้ Content Delivery Network (CDN) เช่น Cloudflare เพื่อเพิ่มความเร็ว

4. การจัดการความปลอดภัยเว็บไซต์

ปกป้องเว็บไซต์จากการโจมตีและมัลแวร์:

  • ติดตั้งปลั๊กอินความปลอดภัย เช่น:
    • Wordfence Security
    • iThemes Security
  • ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและเปลี่ยนชื่อผู้ใช้จาก “admin”
  • เปิดใช้งาน HTTPS ด้วยใบรับรอง SSL

5. การตรวจสอบข้อผิดพลาดและแก้ไข

ข้อผิดพลาดในเว็บไซต์อาจส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งาน:

  • ใช้ปลั๊กอิน Error Log Monitor เพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด
  • แก้ไขลิงก์เสียด้วยปลั๊กอิน Broken Link Checker
  • ตรวจสอบฟอร์มการติดต่อและฟังก์ชันสำคัญให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์

6. การจัดการฐานข้อมูล

ฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้เว็บไซต์ช้าลง:

  • ใช้ปลั๊กอินเช่น WP-Optimize เพื่อล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น เช่น Revision, Spam Comments
  • สำรองข้อมูลฐานข้อมูลก่อนทำการล้าง

7. การตรวจสอบ SEO และเนื้อหา

การอัปเดตเนื้อหาและปรับแต่ง SEO อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ:

  • ใช้ปลั๊กอิน Yoast SEO หรือ Rank Math เพื่อตรวจสอบคำค้นหา
  • อัปเดตบทความเก่าและเพิ่มเนื้อหาใหม่ที่สอดคล้องกับแนวโน้มปัจจุบัน
  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีลิงก์เชื่อมโยงที่ดี และ Sitemap ยังอัปเดตอยู่

8. การตรวจสอบ Hosting และ Domain

Hosting และ Domain เป็นหัวใจสำคัญของเว็บไซต์:

  • ตรวจสอบแบนด์วิดท์และพื้นที่เก็บข้อมูลของ Hosting อย่างสม่ำเสมอ
  • ต่ออายุ Domain Name ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการหมดอายุ
  • ใช้บริการ Hosting ที่มีคุณภาพและรองรับการใช้งานของเว็บไซต์

9. การจัดการผู้ใช้งาน

ตรวจสอบการเข้าถึงของผู้ใช้งานเพื่อป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัย:

  • ลบผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่มีบทบาทในเว็บไซต์
  • ตั้งค่า Roles และ Permissions ให้เหมาะสม เช่น ผู้ดูแลระบบ (Admin) ควรมีจำนวนจำกัด
  • เปิดใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication)

10. การติดตามผลและวิเคราะห์

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามผลการใช้งานเว็บไซต์:

  • Google Analytics: เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้เข้าชมและพฤติกรรมของผู้ใช้
  • Google Search Console: เพื่อตรวจสอบปัญหา SEO และดูอันดับในผลการค้นหา
  • ใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปรับปรุงเนื้อหาและกลยุทธ์การตลาด

สรุป

การบำรุงรักษาเว็บไซต์ WordPress เป็นงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การอัปเดต การสำรองข้อมูล และการตรวจสอบประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน ลองนำขั้นตอนที่แนะนำในบทนี้ไปปรับใช้เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นในระยะยาว! 😊

4o