1. การติดตั้ง Visual Studio Code
1.1 การดาวน์โหลดโปรแกรม
- เปิดเบราว์เซอร์และเข้าไปที่เว็บไซต์ https://code.visualstudio.com/
- คลิกที่ปุ่ม Download เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม Visual Studio Code ให้ตรงกับระบบปฏิบัติการที่คุณใช้งาน (เช่น Windows, macOS, หรือ Linux)
1.2 การติดตั้ง VS Code บนระบบปฏิบัติการต่างๆ
- บน Windows
- เปิดไฟล์ติดตั้ง
.exe
ที่ดาวน์โหลดมา - ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอเพื่อติดตั้งโปรแกรม
- ติ๊กเลือก Add to PATH และ Create a desktop icon ในระหว่างขั้นตอนการติดตั้งเพื่อความสะดวก
- คลิก Finish เมื่อการติดตั้งเสร็จสิ้น
- เปิดไฟล์ติดตั้ง
- บน macOS
- เปิดไฟล์
.zip
ที่ดาวน์โหลดมา - ลากไอคอน Visual Studio Code ไปไว้ใน Applications
- เปิดโปรแกรมจาก Applications
- เปิดไฟล์
- บน Linux
- ติดตั้งผ่านไฟล์
.deb
หรือ.rpm
ที่ดาวน์โหลดมา หรือใช้คำสั่ง Terminal ดังนี้ (กรณี Ubuntu):
- ติดตั้งผ่านไฟล์
sudo apt update
sudo apt install code
หลังจากติดตั้งเสร็จสิ้น คุณสามารถเปิด VS Code จากไอคอนหรือเปิดผ่านคำสั่ง code
ใน Terminal ได้ (หากเพิ่ม PATH ในขั้นตอนการติดตั้ง)
2. การตั้งค่าและใช้งานพื้นฐานใน VS Code
2.1 การตั้งค่าโฟลเดอร์โปรเจกต์
- เปิดโปรแกรม VS Code
- ไปที่ File > Open Folder… เพื่อเลือกโฟลเดอร์ที่คุณต้องการเปิดเป็นโปรเจกต์
- VS Code จะโหลดไฟล์และโฟลเดอร์ทั้งหมดในโฟลเดอร์ที่เลือกไว้ในแถบด้านซ้าย
2.2 การติดตั้งส่วนขยาย (Extensions)
VS Code รองรับการติดตั้งส่วนขยายที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับโปรแกรม เช่น ส่วนขยายสำหรับรองรับภาษา PHP, Python หรือเครื่องมือเช่น Git, Docker
ตัวอย่างการติดตั้งส่วนขยาย
- คลิกที่ไอคอน Extensions ในแถบด้านซ้าย (หรือกด
Ctrl+Shift+X
) - ค้นหาชื่อส่วนขยาย เช่น
PHP
หรือPython
- คลิก Install เพื่อติดตั้งส่วนขยายที่ต้องการ
3. ฟีเจอร์หลักของ Visual Studio Code
3.1 IntelliSense
IntelliSense เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การเขียนโค้ดเป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยคำแนะนำอัตโนมัติสำหรับคำสั่ง ฟังก์ชัน และโครงสร้างที่สอดคล้องกัน
ตัวอย่างการใช้งาน IntelliSense เมื่อพิมพ์คำบางคำในโค้ด VS Code จะแนะนำคำที่เกี่ยวข้องให้โดยอัตโนมัติ เช่น
javascriptคัดลอกโค้ด// เมื่อพิมพ์คำว่า "con" VS Code อาจแนะนำคำสั่ง console.log()
console.log("Hello World");
3.2 การดีบักโค้ด (Debugging)
VS Code รองรับการดีบักโค้ดในภาษาโปรแกรมหลายภาษา เช่น Node.js, Python, C++ ซึ่งช่วยในการตรวจสอบข้อผิดพลาดในโค้ดได้อย่างง่ายดาย
การดีบักใน Node.js
- เปิดไฟล์ JavaScript
- ไปที่แถบ Run and Debug ในแถบด้านซ้าย (หรือกด
F5
) - เลือกการตั้งค่าดีบักแบบ
Node.js
- เพิ่ม Breakpoint โดยคลิกที่แถบด้านซ้ายของโค้ดที่ต้องการดีบัก
- กดปุ่มเริ่มดีบัก (Play) โปรแกรมจะหยุดทำงานเมื่อเจอ Breakpoint
3.3 การควบคุมเวอร์ชันด้วย Git
VS Code มีฟีเจอร์ควบคุมเวอร์ชันด้วย Git ที่ช่วยในการทำงานร่วมกับ GitHub หรือ GitLab เพื่อจัดการโค้ดในรูปแบบเวอร์ชันต่างๆ ได้
การเชื่อมต่อกับ Git
- เปิดโปรเจกต์ที่มี Git repository หรือไปที่ View > Source Control
- คลิก Initialize Repository หรือเชื่อมต่อกับ Remote Repository
- สามารถใช้คำสั่ง Git เช่น Commit และ Push ได้จากแถบควบคุม
4. การใช้งาน VS Code ในโปรเจกต์จริง
VS Code มีประโยชน์ในโปรเจกต์พัฒนาซอฟต์แวร์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ การควบคุมเวอร์ชัน หรือการทดสอบโค้ดต่างๆ
ตัวอย่างการใช้งาน VS Code ในโปรเจกต์เว็บแอปพลิเคชัน
- เปิดโฟลเดอร์โปรเจกต์เว็บ
- ติดตั้งส่วนขยาย เช่น HTML CSS Support, PHP Intelephense, Live Server
- เขียนโค้ด HTML, CSS และ JavaScript เพื่อสร้างหน้าเว็บ
- รัน Live Server เพื่อดูการแสดงผลของหน้าเว็บแบบเรียลไทม์